| |
ไม่มีการวางแผนการเงิน การวางแผนสำหรับการจ่ายหนี้ และเดินหน้าสู่เป้าหมายทางการเงินเป็นเรื่องที่ต้องทำ พยายามนึกดูว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้า คุณอยากจะอยู่ตรงจุดไหน แล้วลองวาดภาพดูว่า เงินของคุณจะช่วยให้ไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร | ไม่ให้ความสำคัญกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ การซื้อโค้กสักขวด หรือซื้อไอศกรีมให้เด็กๆ สักแท่ง อาจต้องเสียเงินไปแค่ 2 ดอลลาร์เท่านั้น แต่เมื่อรวมๆ กันแล้วเงินจำนวนนี้ ก็ถือว่ามากพอดู คุณสามารถเก็บเงินได้เป็นพันดอลลาร์ต่อปี จากการงดซื้อของที่ไม่จำเป็นอย่าง กาแฟ แค่ตั้งวงเงินสำหรับการซื้อของไม่จำเป็นเหล่านี้ไว้เพียงอาทิตย์ละ 25 ดอลลาร์ คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นถึงปีละ 1,300 ดอลลาร์ |
| |
ใช้ชีวิตด้วยเงินที่ยืมมา ถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยบัตรพลาสติก หรือจำเป็นต้องไปยืมเงินคนอื่นมาเพื่อซื้อของใช้เข้าบ้าน คุณก็จะไม่มีทางเดินหน้าไปไหนได้แน่ ถ้าหากคุณเป็นอย่างนี้ ก็จำเป็นต้องปรับทัศนคติในเรื่องการเงินเสียใหม่ เริ่มต้นประหยัด และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตโดยไม่มีสิ่งของอุปโภคบริโภค จำไว้ว่า บัตรเครดิตจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ก็ต่อเมื่อสามารถจ่ายเงินที่ใช่ไปในบัตรได้เต็มจำนวนทุกๆ เดือน | ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน คุณไม่มีทางรู้เลยว่า จะต้องการเงินออมฉุกเฉินขึ้นมาวันไหน เก็บเงินรายได้เพียงแค่ครึ่งเดือนเอาไว้ อาจช่วยให้คุณรับมือกับเรื่องที่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้ แต่แน่นอนว่า เงินจำนวนเท่านี้อาจจะไม่พอ ถ้าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริงๆ ลองคิดถึงเรื่องการเก็บเงินสักครึ่งหนึ่ง ของรายได้จำนวน 6 เดือน เอาไว้เป็นเงินสำหรับไว้ใช้ในเวลาที่ฉุกเฉิน |
| |
มีงาน แต่ไม่เคยออมเงินสำหรับเวลาเกษียณ สักวันหนึ่งในอนาคต จะต้องถึงช่วงเวลาที่คุณหาเงินไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และพอเวลานั้นมาถึง ต่อให้คุณเกษียณอายุไปแล้ว คุณก็ยังต้องเลี้ยงดูตัวเองอยู่ดี การเก็บเงินวันละ 2-3 ดอลลาร์ อาจทำให้เกิดเงินทุนสำหรับช่วงเวลาเกษียณอายุของคุณได้ | ไม่เคยใช้สวัสดิการที่มีอยู่อย่างเต็มที่ อ่านรายละเอียดสวัสดิการในที่ทำงาน และเรียนรู้ถึงสิทธิประโยชน์ของตัวเองให้ชัดเจน เพราะเงินที่ประหยัดได้จากส่วนลดค่าสมาชิกสถานออกกำลังกาย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่าปกติ หรือกรมธรรม์ที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า อาจจะช่วยคุณได้มากในเวลาที่คุณต้องการ |
| |
จำนอง หรือเช่าบ้าน ในราคาที่เกินตัว เมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจตระหนักได้ว่า คุณอาศัยอยู่ในบ้านที่ต้องเสียเงินมากเกินไป และไม่มีความจำเป็นสำหรับคุณมากเท่าใดนัก อย่าลืมว่า บ้านยิ่งใหญ่ ค่าใช้จ่ายก็ยิ่งมากขึ้น ลองคิดถึงการลดขนาดที่อยู่อาศัยลงมา | กู้เงินเรียนโดยไม่รู้ว่าจะชำระคืนอย่างไร แน่นอนว่า หากมีโอกาสคนเราก็อยากจะกลับเรียนหนังสือกันอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะทำเรื่องขอกู้เงินเพื่อการศึกษา หยุดคิดสักนิดว่า คุณจะต้องนำรายได้ที่มีอยู่ ไปชำระหนี้หลังเรียนจบแล้วมากน้อยเท่าใด |
| |
รถยนต์ไม่ใช่สินทรัพย์ มาทำความเข้าใจกันให้ชัดๆ ว่า รถยนต์ก็คือหนี้สินทางการเงิน ทั้งราคาแพง และยังมีมูลค่าลดลงด้วย ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายกว่าการที่คิดว่ารถยนต์เป็นสินทรัพย์ ก็คือ การกู้เงินไปซื้อรถ เพราะคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับรถยนต์ ที่มูลค่าน้อยกว่าหนี้ที่คุณมีอยู่ | ปล่อยให้ตัวเองถูกหลอก ผู้คนในทุกๆ ที่พยายามที่จะหลอกเอาเงินของคุณไป ทั้งในแบบที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย ถ้าหากมีใครโทรมา หรือส่งอีเมลมาหาคุณ พร้อมข้อเสนอแนะในเรื่องการลงทุน ที่ส่วนใหญ่มักให้ผลตอบแทนดีเกินกว่าที่จะเป็นจริงได้นั้น จะต้องระวังตัวอย่างมาก อย่าตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือจากที่อื่นๆ |
| |
ลืมไปว่าเศรษฐกิจ และตลาดการเงินเคลื่อนที่เป็นวงกลม การทำเงินจากตลาดหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แต่จำไว้ว่าตลาดการเงินทุกตลาด จะอยู่ในรูปแบบของการเฟื่องฟูสุดๆ แล้วตามด้วยการตกต่ำสุดๆ แบบหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ไม่มีตลาดใดที่จะอยู่ในขาขึ้นได้ยาวนานกว่าตลาดอื่นๆ | คิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน คุณไม่มีทางอยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ตลาดล่วงหน้า หรือตลาดออปชั่น จำไว้ว่าทุกอย่างอาจหายไปจนหมดในเวลาเพียงวันเดียว เพราะฉะนั้นถ้าต้องตัดสินใจอะไร ต้องคิดให้ดีๆ |
|
|
|
|
|
|
|
|