พรบ.ขายตรง หมวด ๗ บทกําหนดโทษ มาตรา ๔๕๒ ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อํานวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่ง ปฏิบัติการตามมาตรา ๕ หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตาม มาตรา ๑๖ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้ง ปรับ มาตรา ๔๖ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่ เกินห้าแสนบาท มาตรา ๔๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๐ หรือมาตรา ๒๗ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน หนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ มาตรา ๔๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสน บาท มาตรา ๔๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๒ หรือมาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน หกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา ๕๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๓ หรือมาตรา ๒๕ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้า หมื่นบาท มาตรา ๕๑ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ มาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง หรือมาตรา ๓๗ ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท มาตรา ๕๒ ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงใดไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงแผนการจ่าย ผลตอบแทนให้นายทะเบียนทราบตามมาตรา ๓๘ วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสน บาท มาตรา ๕๓ ผู้ใดกระทําความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัตินี้เมื่อพ้น โทษแล้วยังไม่ครบกําหนดห้าปีกระทําความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก ต้องระวางโทษเป็นสอง เท่าของโทษที่กําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น มาตรา ๕๔ ในกรณีที่ผู้กระทําความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้เป็น นิติบุคคลให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติ ๒ มาตรา ๔๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๑๔ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา บุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้นๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ตนมิได้มีส่วนในการกระทําความผิดของนิติบุคคลนั้น มาตรา ๕๕ บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เว้นแต่กรณีตามมาตรา ๔๖ ให้คณะกรรมการมีอํานาจเปรียบเทียบได้และในการนี้ให้คณะกรรมการมีอํานาจมอบหมายให้ คณะอนุกรรมการ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการเปรียบเทียบได้โดยจะ กําหนดหลักเกณฑ์ในการเปรียบเทียบหรือเงื่อนไขประการใดๆ ให้แก่ผู้ได้รับมอบหมายตามที่ เห็นสมควรก็ได้ ภายใต้บังคับของบทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง ในการสอบสวน ถ้าพนักงานสอบสวน พบว่าบุคคลใดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้และบุคคลนั้นยินยอมให้เปรียบเทียบ ให้ พนักงานสอบสวนส่งเรื่องมายังคณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้มีอํานาจ เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ผู้นั้นแสดงความยินยอมให้เปรียบเทียบ เมื่อผู้กระทําความผิดได้เสียค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บทเฉพาะกาล มาตรา ๕๖ ให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงที่ ประกอบธุรกิจดังกล่าวอยู่แล้วในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดําเนินการจดทะเบียนการ ประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้ บังคับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตารวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตร
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.1359.in.th/document/law/12.pdf |